แม้ผมจะได้รับทุนการศึกษาเพียงแค่ปีเดียวตอนเรียนอยู่ชั้น ม.5 แต่มีความหมาย
สำหรับผมมาก เป็นจุดพลิกผันในชีวิต ที่ทำให้ผมได้รับทั้งโอกาสทางการศึกษา
และมีชีวิตที่ดี ช่วยให้ผมสามารถประคับประคองตนเองจนเรียนจบชั้น ม.ปลาย
และได้มีโอกาสสอบเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยในวันนี้

นายธณัชวัจน์ หวังหิรัญกุล อดีตนักเรียนทุน EDF ชั้น ม.5 (พ.ศ.2560) จังหวัดสุรินทร์
การศึกษา: กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 2 สาขาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์
สวัสดีครับ ผมชื่อนายธณัชวัจน์ หวังหิรัญกุล อายุ 20 ปี ชื่อเล่น นิค ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 2 สาขาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ผมเคยได้รับทุนจากมูลนิธิ EDF ในปี 2560 ตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดสุรินทร์ครับ
ผมเป็นเด็กที่มาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจน พ่อแม่แยกทางกัน มีสมาชิกในครอบครัวทั้งหมด 4 คน ประกอบไปด้วย คุณตา คุณแม่ พี่สาว และตัวของผมเอง คุณตาอายุมากแล้ว ไม่มีอาชีพ เนื่องจากเคยประสบอุบัติเหตุโดนรถยนต์ชนเมื่อหลายปีก่อน


ส่วนคุณแม่ก็มีปัญหาทางด้านสุขภาพ มีโรคประจำตัวที่ต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง ทำให้โดนปฏิเสธรับเข้าทำงานอยู่เสมอ ส่วนคุณพ่อได้แต่งงานมีครอบครัวใหม่อยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และจะส่งเงินมาให้บ้างเดือนละประมาณ 2,000 บาท เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในครอบครัว และค่าเล่าเรียนของผมกับพี่สาว แต่คุณพ่อเคยป่วยหนักจากโรคเส้นเลือดในสมองตีบ จนเกือบเป็นอัมพฤกษ์ ส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง และต้องทำกายภาพบำบัด ทำให้ทำงานไม่ได้ไประยะหนึ่ง โชคยังดีที่พี่สาวของผมได้รับโอกาสจากการสอบชิงทุนอาชีวศึกษาแบบทวิภาคี (เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย) เพื่อเรียนต่อจนจบปริญญาตรี และมีงานรองรับจากบริษัทที่ให้ทุนหลังจากเรียนจบในปีหน้านี้ครับ
ก่อนที่จะได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิ EDF ผมกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.5 ตอนนั้นบ้านของเราไม่มีเงินเลย จนผมกังวลว่าอาจจะต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน จนคุณครูแจ้งว่าผมได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิ EDF ซึ่งแม้จะเป็นทุนการศึกษาเพียงปีเดียว แต่ก็ได้ช่วยประคับประคองให้ผมสามารถเรียนจนจบชั้น ม.6 และได้มีโอกาสเรียนต่อในระดับปริญญาตรีในปัจจุบัน เงินทุนการศึกษาที่ได้รับในตอนนั้น เป็นจุดพลิกผันที่ให้ทั้งโอกาสทางการศึกษา และชีวิตที่ดีกับผมครับ
ในปัจจุบัน บ้านที่เราอาศัยซึ่งเป็นของคุณตา ได้โดนยึดไปแล้วเนื่องจากครอบครัวไม่มีเงินไปชำระหนี้ที่ไปกู้ยืมมาเพื่อใช้จ่ายหมุนเวียนในครอบครัว ทำให้คุณตาและคุณแม่ต้องย้ายไปอาศัยอยู่บ้านญาติชั่วคราว จนกว่าจะหาบ้านเช่าใหม่อยู่ได้ ส่วนตัวผมอาศัยเช่าหอพักอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเดือนละ 1,000 บาท ส่วนพี่สาวกำลังเรียนต่อระดับปริญญาตรีอาศัยอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทราครับ
ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ชั้น ม.ปลาย จนถึงปัจจุบันนอกจากเรียนหนังสือ ผมพยายามหางานพิเศษทำเพื่อนำมาให้แม่ไว้ใช้ในครอบครัวและใช้จ่าย
ระหว่างเรียน โดยในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ผมจะไปรับจ้างเป็นพนักงานเสิร์ฟ ที่ร้านไอศกรีมแห่งหนึ่ง ได้ค่าจ้าง ชั่วโมงละ 41 บาท แต่ถ้าเป็นช่วงปิดเทอมผมก็จะทำงานทุกวัน ก็พอบรรเทาความยากลำบากของครอบครัวเราได้บ้างครับ ผมตั้งใจจะทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนให้จบปริญญาตรี และใช้ชีวิตอย่างประหยัด ประคับประคองตัวเอง ตั้งใจเรียนไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข เพื่อจะได้เรียนจบเร็วๆ และมีงานทำมาดูแลช่วยเหลือครอบครัวต่อไป โดยผมตั้งใจจะสอบบรรจุเพื่อเป็นข้าราชการ หรือไม่ก็จะหางานทำในบริษัทเอกชน
ผมอยากฝากคำขอบคุณไปถึงผู้บริจาคที่ให้ทุนกับผมในครั้งนั้น น่าจะปี 2560 ทุนที่ท่านมอบให้ผมในครั้งนั้นเป็นทุนที่ให้โอกาสทางการศึกษา พร้อมกับให้ชีวิตที่ดีแก่ผม ผมได้นำมาใช้จ่ายกับการเรียน และทำให้ผมได้เรียนจนจบ ม.6 และมีโอกาสสอบเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้ในที่สุด ผมอยากจะบอกว่า “ทุนการศึกษามีความสำคัญกับคนจนๆ และยากลำบากมาก มูลค่าทางตัวเงินอาจจะไม่มาก แต่สำหรับคนจนแล้วมันสำคัญมากจริงๆ ครับ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการให้โอกาสทางการศึกษาเพื่อจะได้มีชีวิตและอนาคตที่ดีขึ้น”
ผมยังอยากฝากถึงนักเรียนทุนรุ่นหลังว่า “เมื่อเราเกิดมาไม่ได้มั่งมี ก็ต้องมีความพยายามและตั้งใจมุ่งมั่นให้มากกว่าคนอื่นๆ การศึกษาเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นได้ในอนาคต ถ้าน้องๆ มีความฝัน ก็จงใช้การศึกษาเป็นแรงผลักดันก้าวไปสู่ฝันที่เราตั้งใจไว้ให้สำเร็จ”
หมายเหตุ ระหว่างเรียน นอกจากการตั้งใจเรียนทำผลการเรียนดีแล้ว (เกรดเฉลี่ย 3.83) ยังได้รับการคัดเลือกจากมหาวิทยาลัยเป็นตัวแทนไปแข่งขัน การกล่าว สุนทรพจน์ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ


ทุนการศึกษามีความสำคัญกับคนจนๆ และยากลำบากมาก มูลค่าทางตัวเงินอาจจะไม่มาก
แต่สำหรับคนจนแล้วมันสำคัญมากจริงๆ ครับ เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
ในการให้โอกาสทางการศึกษาเพื่อจะได้มีชีวิตและอนาคตที่ดีขึ้น
