ครูเตือนใจ เพ็ญสวัสดิ์ อดีตเด็กนักเรียนทุนมูลนิธิ EDF ปีแรก (2531-2533)

You are here:

ถ้าฉันไม่เคยได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิ EDF ฉันคงจะได้เป็นคนงานก่อสร้าง
หรือทำงานในโรงงาน ฉันได้ทำงานเป็นครูเพราะมูลนิธิ EDF เป็นผู้ทำให้ฉันมีโอกาส
ที่จะศึกษาต่อ และเปลี่ยนแปลงจากหญิงสาวที่น่าสงสาร กลายเป็นครูในโรงเรียน
ที่ฉันเคยเรียนมาก่อน สามารถให้การศึกษาแก่เด็กยากจนอื่นๆ ในโรงเรียนที่ห่างไกล
เพื่อให้พวกเขาสามารถหางาน และอาศัยอยู่ในสถานที่ที่พวกเขาเกิด

ครูเตือนใจ เพ็ญสวัสดิ์ อดีตนักเรียนทุนรุ่นแรกของมูลนิธิ EDF ม.4-6 (2531-2533) จังหวัดอุดรธานี
การศึกษา: ปริญญาตรี เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
หน้าที่การงานในปัจจุบัน: บรรจุเป็นครู โรงเรียนเพ็ญพิทยาคม อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี

ครูเตือนใจ เพ็ญสวัสดิ์ เป็นหนึ่งในนักเรียนทุนที่ได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิ EDF รุ่นแรก จำนวน 41 คน ในปี พ.ศ.2531 จังหวัดอุดรธานี โดยเธอได้รับทุนศึกษาเพื่อเรียนต่อระดับชั้น ม.4-6 โรงเรียนเพ็ญพิทยาคม อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี ในระหว่างปี 2531-2533

ครูเตือนใจ เพ็ญสวัสดิ์ ในฐานะนักเรียนทุนคนหนึ่ง หลังจากจบปริญญาตรี วันนี้เธอได้กลับไปเป็นครูสอนที่ โรงเรียนเพ็ญพิทยาคม อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอ และเป็นโรงเรียนที่เธอเคยได้รับทุนเมื่อกว่า 30 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันเธอมีอายุ 43 ปี สมรสแล้ว มีบุตร 2 คน เธอย้อนเล่าให้ฟังถึงวันเวลาในอดีตที่ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ “เงินทุนการศึกษาที่มูลนิธิฯ ให้นั้น ช่วยเหลือในสิ่งที่เราขาดจริงๆ ตอนนั้นเรียนจบ ม.3 ที่บ้านไม่มีเงินเลย พ่อเป็นภารโรง และมีลูกเรียนอยู่ 5 คน เลยไปขอทุนจากมูลนิธิ EDF”

ภาพตอนเป็นนักเรียนทุนมูลนิธิ EDF รุ่นแรก พ.ศ. 2531 และภาพปัจจุบัน
ครูเตือนใจ ขณะร่วมกิจกรรมนักศึกษาวิชาทหารกับเด็กนักเรียน

“ถ้าฉันไม่เคยได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิ EDF ฉันคงจะได้เป็นคนงานก่อสร้าง หรือทำงานในโรงงาน ฉันได้ทำงานเป็นครูเพราะมูลนิธิ EDF เป็นผู้ทำให้ฉันมีโอกาสที่จะศึกษาต่อ และ เปลี่ยนแปลงจากหญิงสาวที่น่าสงสาร กลายเป็นครูในโรงเรียนที่ฉันเคยเรียนมาก่อน สามารถให้การศึกษาแก่เด็กยากจนอื่นๆ ในโรงเรียนที่ห่างไกล เพื่อให้พวกเขาสามารถหางาน และอาศัยอยู่ในสถานที่ที่พวกเขาเกิด”

“ตอนเป็นเด็กต้องใช้เวลากว่า 2-3 ชั่วโมง ในการปั่นจักรยานจากบ้านไปโรงเรียนในระยะทางกว่า 27 กิโลเมตร ไปกลับก็รวม 50 กว่ากิโลเมตร ก็ลำบากมาก”

ต้องเรียกว่าเป็นโอกาสในขณะนั้น มูลนิธิฯ ไม่เพียงให้ทุน แต่ผู้ประสานงานทุนของมูลนิธิฯ ยังมีการรวมกลุ่มนักเรียนที่ได้รับทุนรุ่นเดียวกันไปเจอทุกวันพฤหัสฯ และสอนให้รู้จักว่าต้องเรียนยังไง ต้องใช้เงินทุนที่ได้มายังไงให้ได้ประโยชน์ที่สุด”

“ชีวิตวันนี้ถือว่าเราประสบความสำเร็จพอสมควร แม้จะมีรายได้ไม่มากแต่ถ้าอยู่อย่างพอเพียงเราก็อยู่ได้ จากวันนั้นถึงวันนี้ทำให้ได้เรียนรู้ว่า การศึกษามีความสำคัญมาก เพราะคนที่มีความรู้สามารถมองอะไรได้ไกลกว่าคนที่ไม่ได้เรียน สิ่งที่พยายามทำคือการส่งเสริมให้ชาวบ้านในพื้นที่ที่ตัวเองอยู่ให้มีโอกาสมากขึ้นค่ะ”

บทสรุปของ "ครูเตือนใจ" เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งซึ่งเป็นผลจากการได้โอกาสทางการศึกษา
ของมูลนิธิ EDF เมื่อกว่า 30 ปีก่อน ซึ่งในวันนี้ ยังคงมีเด็กด้อยโอกาสอีกเป็นจำนวนมาก
ที่ยังต้องการโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตตนเอง เหมือนอย่างเช่นเธอเคยได้รับ

เนื้อหาที่เกียวข้อง