เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ที่ทำงานของพ่อแม่ต้องปิดตัวลง
จากผลกระทบการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้พ่อแม่ต้องว่างงาน และขาดรายได้
จึงไม่สามารถส่งเงินกลับมาให้ได้เหมือนเคย ทำให้ยายหลานทั้ง 3 ชีวิต
ต้องดำรงชีวิตด้วยเงินเบี้ยยังชีพคนชราของยายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ด.ช.ธีรธรรม หรือ เอ็ม อายุ 12 ปี เด็กนักเรียนชั้น ป. 6 จากจังหวัดบุรีรัมย์ ปัจจุบันอาศัยอยู่กับยายวัยกว่า 80 ปี และน้องชายวัย 8 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้น ป.2 ในบ้านไม้ 2 ชั้นบ้านไม้ 2 ชั้นใต้ถุนโล่ง ฝาไม้ที่ผุพัง มุงด้วยสังกะสี ยายอายุมากแล้วจึงไม่ได้ทำงาน โดยในแต่ละเดือนพ่อและแม่ของน้องเอ็มที่ทำงานรับจ้างขายของอยู่ที่กรุงเทพฯ จะส่งเงินมาให้เป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัวมากบ้างน้อยบ้างตามกำลัง


แต่เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา หลังจากร้านขายของที่พ่อแม่ทำงานอยู่ต้องปิดตัวลงจากผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้พ่อแม่ต้องว่างงาน และขาดรายได้ จึงไม่สามารถส่งเงินกลับมาให้น้องเอ็มกับยายได้เหมือนเคย ทำให้ยายหลานทั้ง 3 ชีวิต ต้องดำรงชีวิตด้วยเงินเบี้ยยังชีพคนชราของยายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ในทุกๆ วันนอกจากน้องเอ็มจะช่วยยายเลี้ยงน้อง และทำงานบ้านทุกอย่างแล้ว น้องเอ็มยังออกไปหาขุดหัวมัน เก็บดอกกะเจียว และพืชผักต่างๆ ที่พอหาได้ในป่าชุมชน เพื่อนำมาประทังชีวิต
นับจนถึงปัจจุบันนี้ พ่อกับแม่ก็ยังคงไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ และใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบากที่กรุงเทพฯ ทำให้น้องเอ็มรู้สึกไม่แน่ใจกับอนาคตทางการศึกษาของตนเองว่าจะได้เรียนต่อชั้น ม.1 ในปีการศึกษา 2563 ที่กำลังจะเปิดภาคเรียนในเดือนกรกฎาคมที่จะมาถึงนี้หรือไม่
น้องเอ็มเป็นเด็กนักเรียนที่ผลการเรียนปานกลาง ได้เกรดเฉลี่ย 2.74 และมีความฝันอยากจะเป็นครู เพื่อที่จะได้สอนเด็กๆ ให้มีความรู้ แต่ความฝันของเขาอาจจะต้องจบลงเนื่องจากความขัดสนของครอบครัวที่เพิ่มมากขึ้นจากผลกระทบของโรคโควิด-19


น้องเอ็มเป็นหนึ่งในเด็กนักเรียน 10,360 คน ในโครงการมูลนิธิ EDF
ที่รอการอุปการะทุนการศึกษาในปี 2563 นี้ ซึ่งครอบครัวของเด็กๆ เหล่านี้ ล้วนได้รับผลกระทบ
จากวิกฤติโรคโควิด-19 ทำให้พวกเขากำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะสูญเสียโอกาสในการเรียนต่อ
ความช่วยเหลือจากท่านอาจช่วยให้พวกเขาผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ โปรดมอบโอกาสทางการศึกษา
เพื่อต่อลมหายใจ และจุดประกายความหวังในการมีอนาคตที่ดีขึ้นจากการศึกษาให้แก่พวกเขาสักหนึ่งคน
