แม้เด็กนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐปีละ 450 บาท
เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์การเรียนต่างๆ เช่นชุดนักเรียน กระเป๋า รองเท้า แต่เงินจำนวนนี้
เป็นเพียงแค่เงินสนับสนุนส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียน
และอุปกรณ์การเรียนอีกหลายอย่าง ที่ผู้ปกครองต้องจ่ายเพิ่มเติม

หลังจากพ่อกับแม่แยกทางกัน แม่ต้องเดินทางไปทำงานรับจ้างก่อสร้างที่จังหวัดชลบุรี เพื่อหาเงินส่งเสียลูกๆ ในวัยกำลังเรียนทั้ง 5 คน โดยน้องก้อง หรือ ด.ช.ธนายุต เพ็งดี วัย 14 ปี เป็นลูกคนที่ 3 และกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในจังหวัดอำนาจเจริญ
ปัจจุบันเด็กๆ ทั้ง 5 คน อยู่ในความดูแลของตากับยายที่แก่ชรา ที่ตำบลป่ากอ อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ โดยแม่เป็นเสาหลักของครอบครัวเพียงคนเดียว และจะส่งเงินมาให้ตากับยายทุกเดือน มากบ้างน้อยบ้างเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหลักๆ ในครอบครัว เช่นค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเรียนของเด็กๆ ทั้ง 5 คน


โดยภาระหนักของแม่คือช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ในเดือนพฤษภาคม และพฤศจิกายน ของทุกปี เพราะนอกเหนือจากค่าใช้จ่ายประจำในทุกๆ เดือนแล้ว ยังต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษา และอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ทำให้หลายๆ ครั้งแม่ต้องขอเบิกเงินล่วงหน้จากนายจ้าง หรือไปขอหยิบยืมจากคนอื่น ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงินในเดือนถัดๆ ไป
อาจารย์พัชรา อ่อนอัฐ ซึ่งเป็นคุณครูผู้ดูแลทุนทุนการศึกษามูลนิธิ EDF จังหวัดอำนาจเจริญ ได้ให้ข้อมูลว่า “แม้เด็กนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐปีละ 450 บาท/คน เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์การเรียนต่างๆ เช่นชุดนักเรียน กระเป๋า รองเท้า แต่เงินจำนวนนี้ เป็นเพียงแค่เงินสนับสนุนส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียน และอุปกรณ์การเรียนอีกหลายอย่าง ที่ผู้ปกครองต้องจ่ายเพิ่มเติม ยิ่งปัจจุบันราคาอุปกรณ์การเรียนมีราคาที่สูงขึ้น และถ้าซื้ออุปกรณ์การเรียนที่มีราคาถูก คุณภาพก็จะไม่ดี เก่าและพังง่าย ทำให้ต้องซื้อใหม่ทุกปี”
ยกตัวอย่างเช่น กระเป๋าที่น้องก้องใช้ไปโรงเรียนอยู่ทุกวัน ซึ่งมีสภาพเก่าและชำรุด โดยน้องก้องจะใช้กระเป๋าใบนี้ใส่สมุด หนังสือ อุปกรณ์การเรียน และข้าวกลางวัน แต่เนื่องจากไม่มีเงินซื้อกระเป๋าใบใหม่ จึงต้องสะพายกระเป๋าใบเก่า และใช้ถุงพลาสติกแทนกล่องใส่อาหารใส่ข้าวเพื่อนำไปรับประทานที่โรงเรียน ในทุกวันน้องก้องจะเดินจากบ้านไปโรงเรียนเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร บางวันต้องนำหนังสือและสมุดหลายเล่ม อุปกรณ์การเรียน และอาหารกลางวันใส่รวมกันในกระเป๋าใบเดียว ในขณะเดินทางจึงต้องเปิดกระเป๋าดูเป็นระยะๆ ว่าถุงอาหารยังมัดแน่นดีอยู่หรือไม่ เพราะมีบางครั้งที่เดินไม่ระวังทำให้ถุงอาหารฉีกขาดหกเลอะหนังสือภายในกระเป๋า
เมื่อสอบถามว่า อยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเด็กในปีนี้ น้องก้องตอบเราอย่างไม่ลังเลว่า “ผมอยากได้กระเป๋าเป้ไว้สำหรับใส่หนังสือไปโรงเรียนแทนกระเป๋าใบเก่าครับ เพราะกระเป๋าเป้น่าจะใส่ของได้เยอะและสะพายหลังได้สะดวกเวลาเดินไปโรงเรียนครับ”


ในเทศกาลวันเด็กในปี 2563 นี้ นอกเหนือจากการให้การสนับสนุนทุนการศึกษแล้ว คุณยัง
สามารถร่วมแบ่งปันความสุข และรอยยิ้มให้แก่น้องๆ ที่ขาดแคลน ด้วยการมอบอุปกรณ์การเรียน
และสิ่งของจำเป็นต่างๆ ผ่านโครงการ “ของขวัญแห่งการเรียนรู้ของมูลนิธิ EDF”
โดยทุกๆ การบริจาคผ่านโครงการชุดของขวัญฯ สามารถนำใบเสร็จเพื่อลดหย่อนภาษี
เงินได้ประจำปี ได้ตามที่กฎหมายกำหนด
